loading...

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

โดนแล้ว! อเมริกาสั่งไทยให้กดดันเกาหลีเหนือ | สุทธิชัย Live



loading...



www.youtube.com


วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

เกาหลีเหนือขู่จะจมเรือรบสหรัฐแบบตูมเดียวจบ! สีจิ้นผิงต่อสายทรัมป์ใจเย็นๆ ก่อน



The US Navy shows the aircraft carrier USS Carl Vinson / AFP PHOTO

ซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อ 24 เม.ย. ถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีที่ตึงเครียดเป็นระลอก ล่าสุดเป็นท่าทีจากสื่อของทางการเกาหลีเหนือที่ข่มขู่จะใช้อาวุธต่อสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกา หลังมีรายงานจากกองบัญชาการทหารภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐ ว่า กองเรือประจัญบานคาร์ล วินสัน กำลังมุ่งหน้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อฝึกซ้อมทางยุทธวิธีกับกองทัพญี่ปุ่น และคาดว่าจะเคลื่อนพลถึงคาบสมุทรเกาหลีช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้

loading...


US Navy shows the Nimitz-class aircraft carrier USS Carl Vinson (L) and the Arleigh Burke-class guided-missile destroyer USS Wayne E. Meyer / AFP PHOTO
หนังสือพิมพ์โรดองซินมุนเผยแพร่บทบรรณาธิการว่า กองทัพเกาหลีเหนือพร้อมแสดงแสนยานุภาพล่มเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว หลังจากญี่ปุ่นประกาศเปิดฉากซ้อมรบทางยุทธวิธีร่วมกับกองทัพสหรัฐ ซึ่งจะส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน เข้าร่วมปฏิบัติการซ้อมรบกับเรือพิฆาต 2 ลำของกองทัพญี่ปุ่น ในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตก ใกล้ประเทศฟิลิปปินส์


FILE PHOTO: The U.S. aircraft carrier USS Carl Vinson / U.S. Navy/Handout via REUTERS
โรดองซินมุนยังระบุว่า กองทัพเกาหลีเหนือมีขีปนาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงที่สามารถยิงได้ไกลถึงทวีปอเมริกา และเอเชียแปซิฟิก รวมถึงสุดยอดอาวุธอย่างระเบิดนิวเคลียร์ไฮโดรเจน (เอช-บอมบ์)


US President Donald Trump (R) and Chinese President Xi Jinping (L) shake hands during dinner at the Mar-a-Lago estate in West Palm Beach, Florida, on April 6, 2017. / AFP PHOTO / JIM WATSON
“หนทางเดียวที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีได้ และแก้ไขปัญหาเกาหลีเหนือได้รวดเร็วคือทุกฝ่ายต้องยึดมั่นในหน้าที่ของตนเอง” นายสีกล่าว

loading...


วันเดียวกัน มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปียงยาง มหาวิทยาลัยเอกชนในเกาหลีเหนือ ระบุว่าชายชาวอเมริกันเชื้อชาติเกาหลีใต้ วัยปลาย 50 ปีที่ถูกจับกุมขณะขึ้นเครื่องบินออกจากเกาหลีเหนือเมื่อวันเสาร์ที่ 22 เม.ย. มีชื่อจริงว่า นายคิม ซังต็อก หรือโทนี่ คิม เคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเยี่ยนเปียนในจีน และเพิ่งย้ายมาสอนที่มหาวิทยาลัยเปียงยางได้ไม่กี่สัปดาห์ก่อนถูกควบคุมตัว
www.khaosod.co.th

วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2560

How the bullets are made in USA factories ? weaponry military power American


The 7.62×51mm NATO (official NATO nomenclature 7.62 NATO) is a rimless bottlenecked rifle cartridge developed in the 1950s as a standard for small arms among NATO countries. It should not be confused with the similarly named Russian 7.62×54mmR cartridge, a slightly longer rimmed cartridge.

loading...
www.youtube.com

วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2560

ผ่าน 5 วัน ยอดตายสงกรานต์ 283 ราย บาดเจ็บทะลุ 3 พันคน พบ "เมาแล้วขับ" สาเหตุหลัก รถจักรยานยนต์ ยานพาหนะอุบัติสูงสุด


16 เม.ย. พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 ประจำวันที่ 16 เมษายน 2560 ว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนของวันที่ 15 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ฯ เกิดอุบัติเหตุ 600 ครั้ง โดยมีสาเหตุสูงสุด 3 อันดับแรกจากการเมาแล้วขับ 269 ครั้ง ขับรถเร็ว 149 ครั้ง และตัดหน้ากระชั้นชิด 88 ครั้ง ประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 518 คัน รถปิกอัพ 44 คัน แยกเป็น รถส่วนบุคคล 558 คัน รถโดยสารสาธารณะ 34 คัน รถบรรทุก 3 คัน ส่วนพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 5 อันดับแรก ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย เมาแล้วขับ ขับรถเร็ว ตัดหน้ากระชั้นชิด และไม่มีใบอนุญาตขับรถ ผู้เสียชีวิต 53 ราย แยกเป็น เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ 29 ราย ระหว่างนำส่งโรงพยาบาล 4 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 20 ราย

      พล.ต.ต.สมชาย กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขับรถเร็ว 22 ราย เมาแล้วขับ 13 ราย และตัดหน้ากระชั้นชิด 13 ราย  ประเภทรถที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 32 ราย แบ่งเป็นไม่สวมหมวกนิรภัย 14 ราย รองลงมาได้แก่ รถปิกอัพ 8 ราย แบ่งเป็นไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 2 ราย รถเก๋ง 6 ราย สถานะของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ขับขี่ 33 ราย ผู้โดยสาร 15 ราย คนเดินถนน 3 ราย และยังไม่สามารถระบุได้ 2 ราย มีผู้บาดเจ็บ 634 คน

        สำหรับการวิเคราะห์สถิติอุบัติเหตุของวันที่ 15 เมษายน 2560 พบว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาแล้วขับ ร้อยละ 44.83 ขับรถเร็ว ร้อยละ 24.83 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.95 รถปิกอัพ ร้อยละ 7.13 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 61.83 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36 บนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.67


loading...
พล.ต.ต.สมชาย กล่าวอีกว่า ขณะที่ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 33.00 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 23.14 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 30 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงราย และนครราชสีมา 4 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 33 คน

         ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,041 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 64,125 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 856,898 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 149,758 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 43,783 ราย ไม่มีใบขับขี่ 38,540 ราย จัดตั้งด่านชุมชน 21,708 ด่าน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 170,752 คน ส่วนข้อมูลการเดินทางโดยการใช้รถขนส่งสาธารณะ ณ วันที่ 15 เมษายน 2560 รวมจำนวน 8,250,687 คน  เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ.2559 ร้อยละ  2.80 อย่างไรก็ตาม มีผู้บาดเจ็บระหว่างวันที่ 11 – 14 เมษายน 2560 เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 13 ราย

       "สรุปอุบัติเหตุทางถนนรวม 5 วัน ระหว่างวันที่ 11 - 15 เม.ย.2560 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,985 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 283 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,087 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 9 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ นราธิวาส บึงกาฬ พังงา ภูเก็ต แม่ฮ่องสอน ยะลา สมุทรสงคราม และอำนาจเจริญ จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บในช่วง 5 วัน ได้แก่ ชัยภูมิ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 140 ครั้ง ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 17 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 145 คน"พล.ต.ต.สมชาย กล่าว

        พล.ต.ต.สมชาย กล่าวด้วยว่า  คาดว่าวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มทยอยเดินทางกลับทำให้การจราจรในบางเส้นทางเริ่มมีปริมาณรถหนาแน่น ประกอบกับความอ่อนล้าจากการขับรถเดินทางไกลและเล่นน้ำสงกรานต์ ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้กำชับให้จังหวัดดำเนินมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ทางถนนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อคุมเข้มการขับรถเร็ว เมาแล้วขับ ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย และสภาพรถจักรยานยนต์ไม่ปลอดภัย รวมถึงพิจารณาปรับแผนรองรับการเดินทางกลับของประชาชน โดยปรับย้ายจุดตรวจ จุดบริการ จุดอำนวยความสะดวกบนเส้นทางสายต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และช่วงเวลาในการเดินทาง เน้นการเรียกตรวจ เพื่อประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่

       "จะเน้นพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและบริหารจัดการจราจรให้มีความคล่องตัว โดยเปิดช่องทางพิเศษ พร้อมประชาสัมพันธ์เส้นทางลัด และเส้นทางเลี่ยง เพื่อลดการแออัดของปริมาณรถบนเส้นทางสายหลัก นอกจากนี้ ให้จังหวัดร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเตรียมพร้อมระบบขนส่งสาธารณะให้มีความปลอดภัยและเพียงพอต่อการให้บริการประชาชน รวมถึงเข้มงวดการตรวจสอบความพร้อมและตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของพนักงานขับรถโดยสารและพนักงานประจำรถโดยสาร เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุใหญ่"พล.ต.ต.สมชาย กล่าว

        นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กล่าวว่า แม้ในวันนี้ประชาชนจะเริ่มทยอยเดินทางกลับ แต่บางส่วนยังเดินทางอยู่ในพื้นที่ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้เน้นย้ำให้จังหวัดบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่เข้มข้นการดำเนินมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง เน้นการแก้ไขปัญหาในมิติเชิงพื้นที่ กำชับจุดตรวจ ด่านตรวจ ด่านชุมชน และจุดบริการเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ พร้อมสนธิกำลังทุกภาคส่วนดูแลเส้นทางสายรอง เส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่เส้นทางสายหลัก และจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ อาทิ ทางแยก ทางร่วมที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร นอกจากนี้ ให้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มจุดแวะพัก จุดบริการประชาชนในเส้นทางสายหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกและให้บริการด้านต่างๆ แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน

     "จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงการเดินทางกลับ มักพบว่า มีสาเหตุจากการขับรถเร็ว และขับรถตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด รวมถึงการแซงบนริมไหล่ทาง ศปถ.จึงได้ประสานจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่อำนวยการจราจรและตั้งกรวยในเส้นทางเชื่อมต่อที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น เพื่อชะลอความเร็วของรถและป้องกันการแซงในระยะกระชั้นชิด พร้อมเพิ่มความเข้มข้นในการเรียกตรวจ เพื่อให้ผู้ขับขี่เกิดความตื่นตัว และป้องกันการหลับในที่เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงกวดขันการจอดรถริมทาง และร้านค้าที่วางสิ่งของล้ำช่องทางจราจร เพื่ออำนวยการจราจรให้มีความคล่องตัวมากขึ้น"นายฉัตรชัย กล่าว
www.komchadluek.net

พิทบูลขย้ำเหวอะ! เย็บ 70 เข็มต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้ม แถมเจ้าของไล่ไปฟ้องศาล


loading...
เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในโลกโซเชียลสังคมออนไลน์ Lampang city มีเรื่องร้องทุกข์ ระบุว่า “เมื่อวันเสาร์ที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา แม่หนูกำลังจะเดินทางไปงานบวชพี่ชายค่ะ แต่เดินผ่านหน้าบ้านของบ้านข้างๆซึ่งอยู่บ้านหลังเยื้องๆกันค่ะ ซึ่งประตูบ้านไม่ได้ปิดจึงทำให้หมาที่อยู่ในบ้านวิ่งกระโจนใส่แม่ (หมาพันธุ์พิทบูล) ทำร้ายร่างกายแม่อย่างทารุณเกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกันค่ะ

ถ้าไม่มีคนมาช่วยป่านนี้หนูคงไม่มีแม่ หลังเกิดเหตุมีคนคนเข้ามาเห็นเหตุการณ์แล้วพาแม่ส่งโรงพยาบาลซึ่งลูกชายของเจ้าของหมาก็ตามไปด้วยค่ะแต่ไม่ได้ช่วยอะไรสักอย่างจนกระทั่งแม่ออกจากร.พ.ค่ะ ก็ได้เรียกเจ้าของหมามาคุยกันว่าจะช่วยเหลือยังไง จะให้ค่าทำขวัญเท่าไหร่ ซึ่งเจ้าของหมาไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้บอกให้เราไปฟ้องเอาจะไปคุยกันในศาลจะรอหมายศาลมาบ้าน ซึ่งที่บ้านหนูค่อนข้างมีฐานะยากจนหนูมีแม่เพียงแค่คนเดียวค่ะไม่มีพ่อ”

ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่านางศรีนวล อายุ 42 ปีบ้านอยู่ ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ถูกสุนัขพันธุ์พิทบูลรุมกัดได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยนางศรีนวล เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้เดินออกจากบ้านเพื่อจะไปงานบวชลูกชาย แต่ขณะเดินผ่านบ้านตรงข้ามที่เลี้ยงสุนัขไว้ 3 ตัว ได้วิ่งออกจากบ้านที่เจ้าของเปิดแง้มประตูบ้านทิ้งไว้ มากระโดดรุมกัดปากจนล้มลุกคุกคลาน มีแผลปากฉีก เนื้อหลุด เลือดไหลออกจากปากตลอด แก้ม แขน และรอบศีรษะ นอกจากนี้ข้อศอกและนิ้วโป้งซ้าย นอกจากนี้ถูกกัดบริเวณท้ายทอยบริเวณลำคอและมือ ได้รับบาดเจ็บมีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก


นางศรีนวล กล่าวอีกว่า ขณะเกิดเหตุมีคนขับรถบรรทุก 6 ล้อผ่านมาแล้วจอดรถลงมาช่วยเหลือ ทำให้ถูกสุนัขไล่กัดด้วยจนต้องตะโกนให้เจ้าของบ้านออกมาช่วยไล่ต้อนฝูงสุนัขทั้ง 3 ตัวกลับเข้าไปในบ้าน จากนั้นเจ้าของสุนัขนำตนเองซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปส่งร.พ.เกาะคา หมอตรวจแล้วพบว่า ตนอาการหนักเพราะเสียเลือดมาก จึงส่งต่อไปรักษาที่ร.พ.ศูนย์ลำปาง และหมอได้เย็บบาดแผลรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 70 เข็มและใช้สิทธิ์ประกันสังคมนอนพักรักษาตัวที่ร.พ.ศูนย์ลำปาง ซึ่งจ้าของสุนัขก็ได้เข้ามาเยี่ยมอาการตนอยู่ แต่พอกลับบ้านเจ้าของสุนัขไม่ได้มาเยี่ยมหรือช่วยเหลือแต่อย่างใด โดยเรียกร้องไปยังเจ้าของสุนัขให้มาช่วยเหลือจากการรักษาอาการบาดเจ็บ แต่เจ้าของสุนัขไม่ยอมมาเจรจาหรือช่วยเหลือเงินแม้แต่บาทเดียว โดยให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่ศาลเอง

“ทุกวันนี้ยังต้องเดินทางไปล้างแผล รักษาตัวที่ร.พ.ศูนย์ลำปาง และ ร.พ.เกาะคาอย่างต่อเนื่อง เพราะแผลยังไม่หาย ต้องลาป่วย หยุดงาน และขาดรายได้ ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.จนถึงทุกวันนี้ อาหารก็ทานได้แต่น้ำข้าวต้มเท่านั้น เพราะบริเวณปากมีแผลฉีกขาดจนปากห้อย รวมทั้งศีรษะ แขนขวา ข้อศอก นิ้วโป้งซ้าย หมอก็ทำการเย็บแผลให้ โดยมีลูกสาวคอยดูแลอาการตลอดเวลา” นางศรีนวลกล่าว

ด้านเจ้าของสุนัขพันธุ์พิทบูล เปิดเผยว่า เหตุที่ตนต้องเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน เพราะในบ้านมีทรัพย์สินจำนวนมาก และสุนัขของตนที่เลี้ยงไว้ไม่ได้ดุร้ายอย่างที่คิด

ขณะที่ชาวบ้านในย่านนั้นกล่าวว่า กลัวสุนัขหลุดออกมานอกบ้านไล่กัดคนที่เดินทางผ่านไปมา ทำร้ายกัดเด็กหรือคนชราหรือสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน เพราะที่ผ่านมามีชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงผ่านไปมาบริเวณบ้านหลังนั้น ถูกสุนัขออกมาไล่รุมกัดหลายรายแล้ว
www.khaosod.co.th

"(ภาพชุด) สงกรานต์ถนนสีลม วันสุดท้าย"


"ประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่างเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนสีลมอย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2560"




loading...



loading...










www.nationtv.tv

สงกรานต์ตายพุ่ง167ศพเซ่นเมาขับ


สงกรานต์วันที่สามเสียชีวิตพุ่ง 167 ศพ สาเหตุเมาแล้วขับ โคราชแชมป์คนตาย ชัยภูมิหนึ่งเดียวจังหวัดไร้คนเจ็บ รมว.ท่องเที่ยวฯ กำชับเจ้าหน้าที่เพิ่มจุดตรวจ สกัดพวกตีนผี นายกฯ วอนสร้างจิตสำนึกผู้ขับขี่ เชื่อป้องอุบัติเหตุได้ สั่ง จนท.เลิกนำตัวเลขคนตายเปรียบเทียบ เลขาฯ สมอ.แจงสวมหมวกกันน็อกได้มาตรฐาน ลดความสูญเสีย

เมื่อวันที่ 14 เม.ย.60 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนปี 2560 นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา แถลงสรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เม.ย.60 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการรณรงค์ช่วง 7 วันอันตราย และเป็นวันแรกของเทศกาลสงกรานต์ว่า เกิดอุบัติเหตุ 748 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 79 ราย บาดเจ็บ 752 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาแล้วขับ 402 ครั้ง หรือร้อยละ 48.80 ขับรถเร็ว 240 ครั้ง ร้อยละ 27.54 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 668 คัน ร้อยละ 86.53 รถปิกอัพ 54 คัน ร้อยละ 6.99 แยกเป็น รถส่วนบุคคลร้อยละ 90.28 รถโดยสารสาธารณะ ร้อยละ 6.87 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย เมาแล้วขับ ขับรถเร็ว ตัดหน้ากระชั้นชิด ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 62.97 บนถนนใน อบต.หมู่บ้าน ร้อยละ 35.70 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 34.63 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ช่วงเวลา 16.01- 20.00 น. ร้อยละ 32.89 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 18.17

loading...
มีการจัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,043 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 64,141 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 795,063 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 136,509 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 38,746 ราย ไม่มีใบขับขี่ 36,457 ราย จัดตั้งด่านชุมชน 9,754 ด่าน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 74,313 คน

จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และอุดรธานี 33 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สกลนคร และกรุงเทพมหานคร 5 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 37 คน สรุปอุบัติเหตุทางถนนรวม 3 วัน (11-13 เม.ย.60) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,743 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 167 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,795 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 16 จังหวัด ขณะที่จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บในช่วง 3 วันมี 1 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 83 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 9 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 86 คน

นางกอบกาญจน์กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 3 วันที่ผ่านมา พบว่าสาเหตุที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนยังคงเกิดจากการดื่มแล้วขับและขับรถเร็ว โดยรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ขณะที่ถนนสายรองและเส้นทางในชุมชนหมู่บ้านเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าถนนสายหลัก ประกอบกับวันนี้เข้าสู่วันที่ 2 ของช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงจุดหมายและท่องเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่แล้ว ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดปรับมาตรการและวางแผนจัดตั้งจุดตรวจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ เน้นการเรียกตรวจผู้ขับขี่ที่ขับรถเร็ว พร้อมเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานบนเส้นทางสายรอง รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานของด่านชุมชน จุดตรวจและจุดสกัด โดยจัดชุดปฏิบัติการประจำตำบลตระเวนสอดส่องและเฝ้าระวังบริเวณสถานที่จัดงานและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ เข้มงวดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ทั้งด้านสถานที่ ระยะเวลา และช่วงอายุของผู้ซื้อ

นอกจากนี้ ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยในพื้นที่โซนนิ่งเล่นน้ำสงกรานต์และพื้นที่จัดงานของภาคเอกชน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการจัดงานมิดไนต์สงกรานต์ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ เพื่อลดความสูญเสียและสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างยั่งยืน ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลภายใต้วาระ ประเทศไทยปลอดภัย (Safety Thailand)

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในช่วง 3 วัน พบว่า รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ร้อยละ 67.92 มีสาเหตุจากการขับรถเร็ว ร้อยละ 40.38 ทำให้ดัชนีความรุนแรงของอุบัติเหตุสูง ส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ คิดเป็นร้อยละ 59.75 ประกอบกับในวันนี้การจราจรบนถนนสายหลักจะมีปริมาณรถน้อย ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ความเร็วได้ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง


loading...
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวสรุปผลการปฏิบัติงานของศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศคส.สพฉ.) หรือ UCEP Coordination Center ตลอด 13 วันที่ผ่านมา พบสถิติผู้ขอใช้สิทธิทั้งสิ้น 1,366 ราย เป็นผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ 538 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยจากสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า 317 ราย, จากสิทธิประกันสังคม 83 ราย, จากสิทธิข้าราชการ 104 ราย และสิทธิกองทุนอื่น ๆ อีก 34 ราย ทั้งนี้ ในวันที่ 12 เม.ย.และ 13 เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงการเดินทางกลับบ้านและช่วงฉลองเทศกาลสงกรานต์วันแรก มีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ขอใช้สิทธิ UCEP มากถึง 243 คน โดยเป็นผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ถึง 80 ราย ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้เจ้าหน้าที่ของเราพร้อมให้บริการประชาชนผ่านสายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง ประชาชนสามารถแจ้งเหตุเมื่อพบผู้ป่วยฉุกเฉินผ่านแอปพลิเคชัน EMS1669 เพิ่มเติมด้วย ซึ่งจะทำให้การแจ้งเหตุแม่นยำ และไปช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

“อยากให้ประชาชนจดจำคาถาข่มดวงที่เคยบอกประชาชนไว้ก่อนหน้านี้ หากสามารถทำตามคาถาข่มดวงที่ให้ไว้ได้ ก็จะทำให้รอดพ้นจากการเจ็บป่วยฉุกเฉิน คือการคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งคนขับคนนั่ง การสวมหมวกนิรภัย สำหรับประชาชนที่เดินทางไกลด้วยมอเตอร์ไซค์ การดื่มไม่ขับ เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลง และจะทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างง่ายดายได้ การหลีกเลี่ยงการใช้บริการของวัดก่อนวัยอันควร หมายถึง ถ้าเราขับขี่ดี สวมหมวกนิรภัย คาดเข็มขัดนิรภัย เราก็จะหลีกเลี่ยงการใช้บริการของวัดก่อนวัยอันควรได้ ข้อสุดท้าย หากง่วงก็จะต้องไม่ฝืนขับรถ ซึ่งหากเราสามารถทำตามทุกข้อนี้ได้ เราก็จะปลอดภัยในทุกช่วงเทศกาลอย่างแน่นอน” เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกล่าว

ร.อ.นพ.อัจฉริยะกล่าวถึงการดำเนินงานตามสิทธิ UCEP ว่า ผู้ที่จะใช้สิทธิ UCEP ได้นั้น ต้องเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติจาก 3 กองทุนคือ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, กองทุนประกันสังคม, กองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ที่อยู่ใกล้และเป็นโรงพยาบาลเอกชนนอกคู่สัญญากับกองทุนที่ผู้ป่วยมีสิทธิ์ ผู้ที่จะใช้สิทธินี้ได้ต้องเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ตามหลักเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินที่ กพฉ.ประกาศกำหนด และรายละเอียดเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ที่ สพฉ.กำหนดกรณีกลุ่มอาการฉุกเฉินวิกฤติ คือ หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด แบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด หรือมีอาการอื่นร่วม ที่มีผลต่อการหายใจระบบการไหลเวียนโลหิตและระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต

อาการทั้งหมดนี้ อยากให้ประชาชนจำให้แม่น อยากย้ำกับประชาชนในทุกๆ เทศกาล หากประชาชนพบเห็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติตาม 6 อาการ ให้รีบโทร.สายด่วน 1669 เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลที่เหมาะสมทันที ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดยังมีความไม่เข้าใจในการดำเนินการตามนโยบาย UCEP นี้ ก็สามารถโทร.เข้ามาสอบถามได้ที่เบอร์ 0-2 872-1669 หรืออีเมล ucepcenter@niems.go.th เราพร้อมในการให้บริการกับประชาชนตลอด 24 ชั่วโมงไม่เว้นวันหยุดราชการ

ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยปฏิบัติ เช่น กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพ ฯลฯ ปรับวิธีการรวบรวมและรายงานข้อมูลการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์และเทศกาลอื่นๆ แก่สาธารณชน โดยให้เน้นลงรายละเอียดให้ครบถ้วน จัดทำแบบฟอร์มสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเปรียบเทียบกับสิ่งที่กฎหมายห้ามไว้ ไม่เน้นรายงานจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในปีนี้เทียบกับปีก่อน เพราะไม่มีผลต่อการป้องกันแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ต้องบอกให้ประชาชนรู้ถึงต้นเหตุของอุบัติเหตุแต่ละครั้งว่าเกิดจากอะไร เช่น เมื่อรถโดยสารสาธารณะประสบอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บเป็นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร คาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ บรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ รถยนต์ส่วนบุคคล มีการคาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ ผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บนั่งด้านหน้าหรือด้านหลัง ส่วนรถกระบะ มีการคาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ ผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บนั่งด้านหน้า บริเวณแค็บหรือท้ายกระบะ เป็นต้น รวมทั้งบอกด้วยว่า เกิดจากสาเหตุเมาแล้วขับกี่ครั้ง ขับรถเร็วกี่ครั้ง ไม่สวมหมวกหรือเข็มขัดนิรภัยกี่ครั้ง โดยขอความร่วมมือไปยังมูลนิธิ องค์กร สถาบันการศึกษา และสำนักวิจัยต่าง ๆ ให้ร่วมกันรณรงค์ในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันสร้างจิตสำนึกใหม่ให้แก่ประชาชนว่า ควรจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับขี่รถอย่างไรเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ไม่ใช่ให้ทราบเพียงตัวเลขที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง เพราะเหตุการณ์ในวันนี้เกิดขึ้นไม่แตกต่างจากสิบปีก่อนที่มีแต่คนบาดเจ็บล้มตายวนเวียนอยู่เช่นเดิม และประเทศไทยยังติดอันดับ 2 ของโลกที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุด หากเราไม่ช่วยกันแก้ไขก็ยากที่จะสำเร็จ นายกฯ ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองที่ประจำอยู่ที่จุดตรวจต่างๆ ทั่วประเทศ หมั่นสำรวจตรวจสอบทั้งรถ ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดอันตราย โดยต้องให้คำแนะนำตักเตือนเพื่อป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ จากข้อมูลในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.60 ผ่านไป 2 วัน พบว่า การเมาแล้วขับ เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด รองลงมาคือขับรถเร็ว โดยยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังพบด้วยว่าผู้ขับขี่ยังฝ่าฝืนไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตเป็นจำนวนมาก

นายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ สมอ.จึงบังคับใช้กฎหมายควบคุมผู้ผลิตและผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์หมวกนิรภัย ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ) มอก.369-2557 ให้เข้มข้นขึ้น โดยผลิตภัณฑ์จะต้องผลิตและนำเข้าเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น โดยครอบคลุมผลิตภัณฑ์ 3 แบบ ได้แก่ แบบเต็มใบปิดหน้า แบบเต็มใบเปิดหน้า และแบบครึ่งใบ ซึ่งแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป แต่คุณสมบัติเบื้องต้นคือป้องกันศีรษะส่วนบนของผู้สวมใส่จากการกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และลดความรุนแรงที่จะส่งผ่านไปทำลายสมองของผู้สวมใส่ได้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สมอ.จึงขอเชิญชวนให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ สวมใส่หมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตนเอง ข้อสังเกตในการเลือกใช้หมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานต้องมีเครื่องหมายบอก.
www.thaipost.net

วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2560

อาชีพแปลก!!ทำฟาร์มเลี้ยงงู อาชีพเงินล้านในจีน Snake farm


อาชีพแปลก!!ทำฟาร์มเลี้ยงงู อาชีพเงินล้านในจีน Snake farm
นายบุ่ยหว่างบ๋าย (Bui Hoang Bai) เกษตรกรในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง เลี้ยงมาแล้วเกือบจะทุกอย่าง รวมทั้งทำฟาร์มเลี้ยงปลา และวันหนึ่งชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เมื่อมีงูกินปลาตัวใหญ่แอบเข้าไปในบ่อเลี้ยง วันนี้เขาหันมาเลี้ยงงูแทนปลา ซึ่งก็ทำให้เขามีรายได้ที่ดีกว่าเลี้ยงปลาหลายเท่า

loading...

www.youtube.com

ขึ้นผึ้งหลวงสูงๆต้องตอกทอยมาดูกันครับการตอกการเหยียบลูกทอย


loading...
การขึ้นแบบนี้ต้องมั่นใจระมัดระวังเป็นอย่างดีครับการตอกต้องตอกให้รับน้ำหนักเราได้ถ้าหลุดอันหนึ่ง ล่วงอย่างเดียวครับผม

www.youtube.com

เวียดนามแห่คลั่งสาวปากีสถาน ผิวสวยใส น่ารักเว่อร์



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก webphunu.net

          เวียดนามแห่คลั่งหญิงสาวชาวปากีสถานหน้าสวย ผิวใส มีผู้ติดตามกว่า 4 หมื่นคนแล้ว

          เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2556 ชาวเน็ตเวียดนามต่างพากันฮือฮา แห่ชื่นชมภาพหญิงสาวนัยน์ตาคม หน้าสวย ผิวขาวสะอาด วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา เพราะไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเธอมากนัก

          โดยสาวสวยผิวพรรณขาวสะอาดคนนี้ เธอมีชื่อว่า Aisyah Qolby Najmatunnisaa มีบ้านเกิดที่ระบุไว้ในเฟซบุ๊กคือ เมืองเปชาห์วา ประเทศปากีสถาน แต่ปัจจุบันทำงานเป็นแอร์โฮสเตสอยู่ที่สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส และอาศัยอยู่ในกรุงโดฮาของกาตาร์

          อย่างไรก็ดี ไม่มีใครยืนยันได้ว่าเธอเป็นแอร์โฮสเตสจริงดังที่กล่าวอ้างไว้ในเฟซบุ๊กหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าตัวตนของเธอจะไม่ได้รับความสนใจมากเท่ากับใบหน้าที่สะสวย ผิวใสราวกับเป็นตุ๊กตาอย่างที่เห็น ทำให้ตอนนี้มีผู้เข้าไปกดติดตามความเคลื่อนไหวของเธอบนเฟซบุ๊กมากถึง 42,500 คนแล้ว (สถิติเมื่อบ่ายวันที่ 2 กันยายน) และแน่นอนว่า เธอกลายเป็นผู้หญิงที่โด่งดังไปทั่วเวียดนามแล้วในขณะนี้ เพราะรูปถ่ายของเธอถูกนำไปลงข่าวหลายเว็บไซต์เลยทีเดียว



loading...




loading...




fb.kapook.com

online