loading...

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560

‘จารุพงศ์’ผู้บงการ! เพื่อนโกตี๋แฉใช้เงินบริจาคซื้อ‘คลังแสง’เพื่อป่วน

19:36


ตร.รับมอบตัว 9 เครือข่ายอดีตแกนนำแดงปทุมฯ แจ้งข้อหาร่วมกันวางแผนสะสมอาวุธ อาวุธสงครามและวัตถุระเบิดเพื่อเตรียมการก่อเหตุความไม่สงบเรียบร้อย "ศรีวราห์" ชี้หลักฐานชัด "ซี้โกตี๋" รับซุกคลังแสงใช้เตรียมต่อต้านรัฐบาล สารภาพเคยไปลาวพบเพื่อนคุย "จารุพงศ์" บอกซ่อนอาวุธไว้อีก 2 ตู้คอนเทนเนอร์ "ทักษิณ" เต้นโดนหาอยู่เบื้องหลัง ส่งทนายความฟ้องสื่อ

เมื่อวันศุกร์ เวลา 10.40 น. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.), พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. พร้อมกำลังทหาร ควบคุมตัว 9 ผู้ต้องหาเครือข่ายนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ อดีตแกนนำ นปช.ปทุมธานี ประกอบด้วย นายธีรชัย อุตรวิเชียร หรือระพิน อายุ 55 ปี, นายประเทือง อ่อนละมูล อายุ 58 ปี, นางปาลิดา เรืองสุวรรณ อายุ 62 ปี, นายทศพล เกษโกศล อายุ 25 ปี, จ.ส.อ.ธนโชติ วงศ์จันทร์ชมภู อายุ 57 ปี, ว่าที่ ร.ต.สุริยฉัตร ฉัตรพิทักษ์กุล อายุ 49 ปี, น.ส.เอมอร วัดแก้ว อายุ 44 ปี, นายวันไชยชนะ ครุฑไชยันต์ อายุ 56 ปี และนายอุดมชัย นพสวัสดิ์ หรือแสนรัก อายุ 60 ปี พร้อมของกลาง ประกอบด้วย ซีพียูคอมพิวเตอร์ เครื่องปั่นไฟ ลำโพง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตรวจยึดไว้ได้ภายหลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดี

โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4, พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป., พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. พนักงานสอบสวนกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มารอรับตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรับมอบตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ได้ทำการตรวจร่างกายโดยแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งไม่พบการถูกทำร้ายร่างกาย ทำบันทึกประวัติ และแจ้งข้อกล่าวหา โดยมีทนายจากสภาทนายความร่วมสอบปากคำ

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 มี.ค.2560 เวลาประมาณ 06.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผบ.ศรภ. และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จ.ปทุมธานี อ่างทอง หนองคาย สุรินทร์ นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรปราการ รวมทั้งสิ้น 7 จังหวัด ซึ่งเชื่อว่ามีกลุ่มบุคคลที่เป็นเครือข่ายของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ ได้ร่วมกันวางแผนสะสมอาวุธ อาวุธสงครามและวัตถุระเบิด เพื่อเตรียมการก่อเหตุร้ายและความไม่สงบเรียบร้อย

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนปืน เสื้อเกราะ ยาเสพติด และอุปกรณ์ที่อาจนำไปใช้ในการก่อความไม่สงบเรียบร้อยจำนวนมาก จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง และ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการข่าว สำนักเลขาธิการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดดังกล่าว

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทหาร ได้อาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เม.ย.2558 ควบคุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อซักถามข้อเท็จจริงไว้แล้ว พนักงานสอบสวน บก.ป.รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว ได้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัด

แฉพฤติกรรมแก๊งโกตี๋

"เชื่อได้ว่านอกจากผู้กระทำความผิดจะมีอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดและยาเสพติดไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมายแล้ว ยังมีพฤติการณ์ร่วมกันประชุมวางแผนหลายครั้ง เพื่อที่จะใช้กำลังต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน หากมีการนำกำลังเข้าตรวจค้นและยึดพื้นที่วัดพระธรรมกายอันเป็นการสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป อันเป็นความผิดฐานซ่องโจร" รอง ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติออกหมายจับผู้กระทำความผิดต่อศาลอาญา และศาลได้อนุมัติหมายจับไว้แล้ว และแจ้งข้อหา 9 ผู้ต้องหาคือ 1.นายธีรชัย อุตรวิเชียร อายุ 54 ปี ตามหมายจับเลขที่ 719/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง และมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และหมายจับเลขที่ 743/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐานซ่องโจร

2.นายประเทือง อ่อนละมูล อายุ 57 ปี หมายจับเลขที่ 718/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มี ใช้วิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากร และหมายจับเลขที่ 744/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐานซ่องโจร

3.นางปาลิดา เรืองสุวรรณ อายุ 61 ปี ตามหมายจับเลขที่ 745/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐานซ่องโจร 4.นายวันไชยชนะ ครุฑไชยันต์ อายุ 55 ปี ตามหมายจับเลขที่ 722/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง และหมายจับเลขที่ 746/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐานซ่องโจร

5.นางเอมอร วัดแก้ว อายุ 43 ปี ตามหมายจับเลขที่ 720/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความครองครองไม่ได้รับอนุญาต, มีวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง และมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

6.นายอุดมชัย นพสวัสดิ์ อายุ 60 ปี ตามหมายจับเลขที่ 721/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และหมายจับเลขที่ 748/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐานซ่องโจร 7.จ.ส.อ.ธนโชติ วงศ์จันทร์ชมภู อายุ 56 ปี ตามหมายจับเลขที่ 749/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐานซ่องโจร 8.ว่าที่ ร.ต.สุริยศักดิ์ ฉัตรพิทักษ์กุล อายุ 49 ปี ตามหมายจับเลขที่ 750/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐานซ่องโจร และหมายจับเลขที่ 10/2560 ลง 17 มี.ค.2560 ความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ นำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯ (ศาลทหารกรุงเทพ) และ 9.นายบุญส่ง คชประดิษฐ์ อายุ 54 ปี ตามหมายจับเลขที่ 717/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐาน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และหมายจับเลขที่ 754/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐานซ่องโจร

'จารุพงศ์' เอี่ยวอาวุธ-สั่งการ

"นอกจาก 9 คนที่ควบคุมตัวไว้แล้ว ศาลได้ออกหมายจับนายวุฒิพงศ์ หรือโกตี๋ กชธรรมคุณ อายุ 48 ปี หมายจับเลขที่ 739/60 ลง 22 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, น.ส.บุญเต็ม รักษาภายใน อายุ 54 ปี หมายจับเลขที่ 751/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐานซ่องโจร, นายสมจิตร สาบุดดา อายุ 64 ปี หมายจับเลขที่ 752/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐานซ่องโจร, นายวันลพ รัตน์รุ่ง อายุ 45 ปี หมายจับเลขที่ 753/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งจะเร่งติดตามจับกุมตัวทั้งหมดมาดำเนินคดี" พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว

ขณะที่นายธีรชัย หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา รับสารภาพว่าอาวุธปืนทั้งหมดเมื่อปี 2556 นายโกตี๋ได้ให้คนของสถานีวิทยุชุมชนเรดการ์ดนำมาเก็บไว้ที่บ้านตน เพราะตนกับโกตี๋เป็นเพื่อนกัน ไปช่วยงานที่สถานีวิทยุเรื่องของเทคนิค

"ขอยืนยันอาวุธปืนระหว่างที่อยู่กับผมไม่เคยได้นำไปใช้หรือก่อเหตุใดๆ แต่ระหว่างที่ตั้งเวทีปราศรัยที่อนุสรณ์สถานก็ได้นำไปด้วย แต่ทุกกระบอกอยู่ในความควบคุมของผม เพียงใช้ปกป้องเวทีและสถานีวิทยุเท่านั้น ล่าสุดประมาณเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา ได้ไปพบนายโกตี๋ที่ประเทศลาว และถามว่าจะเอาอาวุธอะไรไปสู้กับเขา นายโกตี๋บอกว่าผู้ใหญ่มีอาวุธอยู่ 2 ตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อถามย้อนกลับไปว่า เคยเห็นด้วยตาตัวเองหรือไม่ เขาตอบว่าไม่ โดยผู้ใหญ่ของนายโกตี๋ที่ทราบว่าคุยกันบ่อยที่สุดคือนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เพราะขณะที่ผมไปหานายโกตี๋ ยังพบว่านายโกตี๋กำลังคุยโทรศัพท์กับนายจารุพงศ์อยู่บ่อยครั้ง บางครั้งก็ได้พูดด้วย โดยเขาฝากให้ดูแลลูกเลี้ยง" นายธีรชัยกล่าว

ถามว่าที่ไปพบกับนายโกตี๋ที่ต่างประเทศ มีแผนการจะก่อเหตุที่ไหน เพื่อนโกตี๋รายนี้ระบุว่า ในส่วนของตนไม่เคยคิดไปก่อเหตุที่ใด เพียงแต่เป็นคนเก็บอาวุธปืน ส่วนที่วัดพระธรรมกายไม่เคยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจะก่อเหตุในพื้นที่วัดพระธรรมกายแต่อย่างใด

"เรื่องการข่มขู่จะเอาชีวิตผู้นำประเทศ ผมไม่ทราบ แต่เป็นเรื่องจริงที่โกตี๋กับเพื่อนของเขาอยู่ที่ประเทศลาวเป็นคนข่มขู่ โดยปืนทั้งหมดที่ยึดได้เป็นเงินที่โกตี๋ระดมจากมวลชนที่เขาบริจาคมา ช่วงก่อนปฏิวัติ 3 เดือน โกตี๋ได้ประกาศบนเวทีปราศรัยและวิทยุกระจายเสียงว่าให้พ่อแม่พี่น้องที่มีอาวุธเอามาบริจาค ถ้าไม่มีให้บริจาคเป็นเงิน แล้วนำไปซื้ออาวุธ ที่ทำเพราะเป็นเพื่อนกัน ทราบดีว่าเรื่องทั้งหมดนั้นผิดกฎหมาย" เพื่อนโกตี๋รายนี้กล่าว

ซักว่าเหตุปะทะกับ กปปส.ที่แยกหลักสี่ได้นำอาวุธดังกล่าวมาใช้หรือไม่ นายธีรชัยกล่าวว่า แค่เป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่รวบรวมมวลชนจนเกิดเหตุปะทะกับผู้ชุมนุม กปปส.ที่แยกหลักสี่ แต่ไม่ได้ใช้อาวุธสงครามในเหตุดังกล่าว

อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.ศรีวราห์สรุปปิดท้ายการแถลงข่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมในการดำเนินคดี ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาแตกต่างกัน อาทิ ครอบครองอาวุธปืนฯ อั้งยี่ ซ่องโจร และข้อหาอื่นๆ โดยจะส่งตัวให้ดีเอสไอทำการสอบสวนต่อ เนื่องจากรายละเอียดของคดีมีความเชื่อมโยงกับการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ด้วย เพราะดีเอสไอเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง จากนั้นจะส่งฝากขังศาลอาญาในช่วงเช้าวันที่ 25 มี.ค. ยกเว้นว่าที่ ร.ต.สุริยศักดิ์ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความมั่นคงโดยจะส่งตัวให้ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ดำเนินการ

รบ.ชี้หลักฐานชัดไม่จัดฉาก
loading...

ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ควบคุมตัว 9 ผู้ต้องหาเครือข่ายโกตี๋ ขึ้นรถตู้ 3 คันมาส่งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยเมื่อนำผู้ต้องหาทั้งหมดลงจากรถตู้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำตัวทั้งหมดเข้าไปในอาคารทันทีโดยไม่มีการเปิดเผยใดๆ

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นพบว่ามีอาวุธปืน 1 กระบอกที่ตรงกับบัญชีทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายหายไปเมื่อปี 2553 ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 และเป็นสำนวนคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษอยู่แล้ว

"ในวันนี้จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษดีเอสไอ เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีก่อการร้ายในกลุ่มผู้ต้องหาที่กระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อนำมาควบคุมที่ดีเอสไอและสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย" อธิบดีดีเอสไอกล่าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้บทความจากหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ที่ระบุรัฐบาลและคสช.หวั่นไหวกับข้อกล่าวหาเรื่องการจัดฉาก ในการเข้าตรวจค้นบ้านพักเครือข่ายของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ จึงออกมาให้ข่าวปฏิเสธเรื่องดังกล่าวว่า รัฐบาลและ คสช.ไม่รู้สึกหวั่นไหวหรือหวาดหวั่นกับข้อกล่าวหาของนายโกตี๋หรือผู้ใดทั้งสิ้น ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลและ คสช.ทราบดีว่าทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติการเข้าตรวจค้น ยึด หรือสืบหาพยานหลักฐานในคดีต่างๆ มักจะมีคำพูดหรือข้อเขียนของผู้กระทำผิด ผู้เสียประโยชน์ หรือผู้ไม่หวังดีบางกลุ่ม ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างบิดเบือนสร้างความสับสน เพื่อให้ตนเองดูดีในสายตาของสังคม

'แม้ว' ส่งทนายฟ้องสื่อหมิ่นฯ

"หน่วยงานรัฐจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ไม่ใช่การหวั่นไหวหรือร้อนตัว โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า ทุกอย่างเป็นไปตามสิ่งที่ปรากฏต่อสาธารณชน ทั้งภาพข่าว คลิปเสียง และคำให้การของผู้เกี่ยวข้อง” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า รัฐบาลและ คสช.ยึดมั่นในกฎหมาย และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจเจตนารมณ์ที่แท้จริงข้อนี้ พร้อมขอเรียกร้องให้นายโกตี๋กลับมามอบตัว ส่วนผู้ที่แสดงความคิดเห็นไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็ควรจะต้องพิจารณาบทบาทของตนเอง และร่วมรับผิดชอบต่อสังคมด้วย เพราะถือเป็นการขยายความคิดสร้างความขัดแย้ง และเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความสามัคคีปรองดองภายใต้หลักนิติธรรม

วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก "ทักษิณ..โกตี๋..ทีนิวส์" ระบุว่า อยากให้ท่านนายกทักษิณมอบอำนาจให้ทนายความไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายสนธิญาณและสำนักข่าวทีนิวส์ที่กล่าวหาว่า ถ้าไม่มีทักษิณขบวนการเหล่านี้ก็เดินต่อไม่ได้ อันเป็นการจงใจใส่ความนายกทักษิณว่าอยู่เบื้องหลังโกตี๋ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของอาวุธสงครามและอยู่ในขบวนการล้มเจ้า ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะนายกทักษิณและพวกผมแม้จะไม่ชอบเผด็จการ แต่ไม่เคยมีความคิดที่จะใช้ความรุนแรง ส่วนเรื่องล้มเจ้าไม่เคยอยู่ในความคิด

"ระยะนี้ท่านนายกทักษิณงานเข้ามากเป็นพิเศษ เช่น ภาษีหุ้นชินคอร์ป ที่เรื่องจบไปนานแล้วแต่รัฐบาลจะใช้อภินิหารเรียกเก็บให้ได้ หรือเหตุการณ์ที่วัดพระธรรมกาย ที่ท่านผู้นำเคยมีคำถามว่าเป็นพุทธแท้หรือพุทธเทียม ในขณะที่ผมออกมาต่อสู้เพราะเห็นว่าการที่สาธุชนเข้าวัดเพื่อปฏิบัติธรรมย่อมดีกว่าออกมาเพ่นพ่านบนถนน หรือยกพวกไปปิดสถานที่ราชการ ล่าสุดคือการจับกุมอาวุธที่อ้างว่าเป็นของโกตี๋ที่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็นการจัดฉาก ทั้งสองเรื่องก็ถูกลากโยงมาที่นายกทักษิณทั้งที่ท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ความจริงท่านวางเฉยมานานแล้ว เพราะต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ แต่เผด็จการกลับหาเรื่องเอาท่านเป็นข้ออ้างเพื่อจะได้อยู่ในอำนาจต่อไป" นายวัฒนากล่าว

อดีต ส.ส.เพื่อไทยกล่าวว่า เราเห็นกลุ่มคนเหล่านี้แบ่งหน้าที่กันทำ โดยหัวหน้ากลุ่มการเมืองข้างถนนออกมาเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปจนกว่าจะปฏิรูปสำเร็จ ฝ่ายสื่อก็ช่วยออกมาปลุกผีใส่ร้ายท่านว่าอยู่เบื้องหลังขบวนการล้มเจ้า ส่วนท่านผู้นำก็สนุกกับการใช้อำนาจพิเศษที่ขัดต่อหลักนิติธรรมและนำมาซึ่งความขัดแย้ง ที่น่าแปลกคือเผด็จการที่เพลิดเพลินกับการจัดการฝ่ายตรงข้าม แต่กลัวถูกคิดบัญชี ความจริงคำว่าคิดบัญชีของผมคือเอาอำนาจกลับคืนให้กับประชาชนเท่านั้นเอง ช่างขวัญอ่อนเสียเหลือเกิน แล้วบอกเป็นชายชาติทหาร

ส่วนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ขอให้ดำเนินคดีกับนายยุคล วิเศษสังข์ ผู้ดำเนินรายการ “ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ” และนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม บรรณาธิการอำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์ ที่ร่วมกันดำเนินรายการและแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

นายชุมสายกล่าวว่า บุคคลทั้งสองได้ดำเนินรายการดังกล่าวออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไบรท์ทีวี ช่อง 20 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ระบุในทำนองให้เข้าใจว่า นายทักษิณ และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋

“ในรายการมีการพูดในทำนองว่า หลังมีการจับอาวุธที่เกี่ยวพันกับโกตี๋แล้วทำไมอดีตนายกฯ ทักษิณถึงเงียบไม่ออกมาพูด และสรุปว่าอย่างนี้แปลว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับเครือข่าย และยังมีการกล่าวให้ร้ายว่าอดีตนายกฯ ทักษิณในเรื่องอื่น จึงอยากให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวน เพราะเป็นคดีอาญา ถือว่าหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) (5) ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสน” นายชุมสายกล่าว
www.thaipost.net

ถามว่า การที่อดีตนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินคดีเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ผู้ดำเนินรายการกล่าวหาใช่หรือไม่ ทนายความนายทักษิณกล่าวว่า ถูกต้อง ซึ่งก็ได้นำหลักฐานเป็นซีดีบันทึกรายการสนทนาในรายการดังกล่าว ความยาวประมาณ 30 นาที และถอดเทปเนื้อหารายการทั้งหมดมามอบให้พนักงานสอบสวน เพราะต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะเป็นการกล่าวหาที่รุนแรง ซึ่งหลังจากนี้ ถ้าพบว่ามีการกล่าวหาและเข้าองค์ประกอบความผิด ก็จะมีการดำเนินคดี เพราะในคำร้องที่ขอต่อพนักงานสอบสวน ได้ขอให้พิจารณาว่าหากมีคนอื่นที่เกี่ยวข้องก็ให้ดำเนินการ แต่ในเบื้องต้นที่พบคือสองคนที่เราดำเนินการ.

online