loading...

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เด้งผอ.สำนักพุทธฯ ‘บิ๊กตู่’งัดม.44โยกคน DSI เสียบ

20:12


มาตรา 44 ละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้ปฏิบัติธรรม "ยุทธ ตู้เย็น" มาแล้ว เปรียบรัฐบาล คสช.ใช้วิธีจับตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ ขณะที่ "ประยุทธ์" งัด ม.44 อีกรอบ เด้งฟ้าผ่า "พนม ศรศิลป์" พ้นผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ตั้งคนของดีเอสไอเสียบแทน สะพัดสัญญาณมือถือแพทย์ประจำตัวธัมมี่โผล่ธรรมกาย ตะลึง! ชายสูงวัยแขวนคอตายประท้วงมาตรา 44 "สนิทวงศ์" ไม่รู้ไม่เห็น บอกไม่สนับสนุนให้ทำ
คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มาตรา 44 เปิดทางให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพื่อจับกุมตัวพระธัมมชโย ผู้ต้องหาคดีสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจรกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์โจมตีอย่างหนักจากคนของพรรคเพื่อไทย ว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้ปฏิบัติธรรมที่ศรัทธาต่อวัดพระธรรมกาย

วันเสาร์ที่ผ่านว่า พีซทีวีได้เผยแพร่คำพูดของนายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ "ทิศทางประชาธิปไตยไทย" ของทีวีช่องนี้ "คำสั่งตามมาตรา 44 มีสถานะอำนาจอยู่สูงกว่ากฎหมายทั่วไป แต่ต่ำชั้นกว่ารัฐธรรมนูญปกครองประเทศเพียงเล็กน้อย ดังนั้น การใช้อำนาจที่มีศักดิ์ศรีมากมายไปเพื่อควบคุมวัดพระธรรมกาย สะท้อนได้เพียงการตัดปัญหายุ่งยากในการขอหมายค้นจากศาล แต่ทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจกว้างขวาง แล้วนำไปอ้างทำหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อค้นหาจับตัวพระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฉ้อโกงและรับของโจร โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อเสรีภาพของบุคคลอื่นที่เสียไป"

นายยงยุทธกล่าวต่อว่า คำสั่งมาตรา 44 เมื่อนำไปใช้กับงานด้านความมั่นคง แล้วเอื้อให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ได้รับผลกระทบและเกิดการวิจารณ์ตามมามากมาย ยิ่งเป็นการใช้อำนาจห้ามคนอื่นหรือผู้ศรัทธาเข้าวัดพระธรรมกาย จึงเป็นการละเมิดสิทธิ์ เพราะการเข้าวัดปฏิบัติธรรมในช่วงปกติเป็นสิทธิเสรีภาพ ไม่มีความผิด ด้วยเหตุนี้กฎหมายที่ไปจำกัดเสรีภาพประชาชน ในสังคมเสรีประชาธิปไตยทั่วโลก มักไม่เกิดขึ้น และไม่กระทำกันการควบคุมวัดพระธรรมกาย เพียงต้องการให้พระธัมมชโยมอบตัว จึงไม่เป็นธรรมกับวัดและผู้ปฏิบัติธรรม รวมทั้งสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนรอบวัด ดังนั้น การแก้ปัญหาด้วยการใช้อำนาจที่นอกเหนือกฎหมายปกติมาบังคับ จึงถูกตำหนิว่าไม่สมเหตุสมผล และเป็นช่องโหว่ให้โต้แย้งได้ตลอดเวลา

“ถ้าจำกัดเสรีภาพการปฏิบัติธรรมในวัดพระธรรมกาย เพื่อต้องการบีบพระธัมมชโย ไม่แตกต่างจากการจับชาวบ้านเป็นตัวประกัน ผู้ปฏิบัติธรรมจึงไม่มีความสุข โดยแนวทางที่ควรจะเป็น น่าทำให้ชาวบ้านเข้าไปปฏิบัติธรรมได้ตามปกติ แล้วเจ้าหน้าที่เฝ้ารอให้พระธัมมชโย ผู้กระทำผิดคดีอาญาปรากฏตัวจึงจับกุม แต่การใช้วิธีจับตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ควรหมดไปจากสังคมได้แล้ว”

แกนนำพรรคเพื่อไทยคนนี้กล่าวด้วยว่า การใช้มาตรา 44 จะบอกว่าไม่ดีไปทั้งหมดก็ไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญถ้าจะใช้ต้องเกิดประโยชน์ เป็นรูปธรรม และได้ผล โดยควรใช้อำนาจนี้ไปแก้ไขกฎหมายเก่าล้าสมัย กฎหมายโบราณ หรือกฎหมายที่ขัดแย้งกัน ที่สำคัญมาตรา 44 ต้องทำให้คนรักกัน เกิดความปรองดอง เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาประเทศ หากนำมาใช้เพื่องานความมั่นคงแล้ว จะเป็นต้นทุนปัญหาที่หนักหน่วงต่อสังคมในอนาคต

ย้อนบันทึก นพ.เหวง

loading...
เป็นที่น่าสังเกตว่า คนของพรรคเพื่อไทยมีทัศนะต่อกรณีวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยไปในท่วงทำนองเดียวกันมาโดยตลอด เช่นความเห็นของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อ 28 พฤษภาคม 2559 ภายหลังดีเอสไอได้ขออนุมัติออกหมายจับพระธัมมชโย โดยนำบทกลอน “เดจาวู” ชื่อ “พยากรณ์กรุงศรีอยุธยา” เปรียบกรณีพระธัมมชโยเหมือนเป็นการเลือกปฏิบัติ 2 มาตรฐานเกี่ยวกับการดำเนินคดีในวงการสงฆ์

"มันคือสัญญาณเตือนว่า กงเกวียน กำลังหมุนกลับ มาซ้ำรอยเดิม ฝ่าย ”อกุศล” ในศาสนา กำลังเป็นใหญ่ ผู้ดำรงศีลที่แท้จริง กำลังถูกท้าทาย สัปบุรุษ กำลังจะพ่ายแพ้ แก่ทรชน นักปราชญ์ผู้ชี้ทาง กลับต่ำต้อยถูกดูแคลน เมื่อผู้ใหญ่ถูกหาญหัก ให้กลายเป็นผู้น้อย กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม” โพสต์ของนายพานทองแท้ระบุ

ก่อนหน้านายพานทองแท้ ราวเดือนกุมภาพันธ์ 2558 นพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุในหัวข้อว่า "รุกโจมตี “วัดธรรมกาย” อย่างดุเดือดเมามัน ด้วยข้อกล่าวหาที่ฉกาจฉกรรจ์"

"เป็นปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรม” ทั้งที่ผู้กระทำนั่นแหละคือ “พวกปาราชิก พวกอุตริมนุสธรรม” เหิมเกริมถึงขั้นนำเอาสากกะเบือ ดอกไม้จันทน์ กางเกงในหญิงที่เปื้อนอาจม รองเท้าแตะ ไปเป็นสังฆทานให้กับพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นการพุ่งปลายหอกเพื่อทำลายล้างกลุ่มพระสงฆ์ที่ถือว่าเป็นฐานกำลังสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายคนเสื้อแดง ฝ่าย นปช.ฝ่ายอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่างชัดแจ้ง" นพ.เหวงระบุและว่า "นี่คือการรุกโจมตีทำลายล้างศัตรูทางการเมืองของพวกอนุรักษนิยม จารีตนิยม ด้วยการรัฐประหารครั้งนี้อย่างชัดเจน เพื่อไม่ทำให้เสียของ"

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ ถึงกรณีมีการเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้มาตรา 44 ประกาศให้พื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นเขตควบคุมว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองหรือศาสนา แต่เป็นเรื่องของพระสงฆ์ที่กระทำความผิด ไม่ยอมรับกฎหมาย และยังพยายามนำเรื่องของตนไปผูกโยงกับศาสนา เพื่อสร้างกระแสปลุกระดมมวลชนให้ออกมาปกป้องตนเอง และกดดันเจ้าหน้าที่ไม่ให้สามารถเข้าจับกุมตัวในวัดได้ จึงต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างเรื่องศาสนากับการกระทำผิดกฎหมาย

"จึงมีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษเข้าควบคุมพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างราบรื่นและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจยังคงใช้กฎหมายปกติเข้าตรวจค้น โดยมีทหารเป็นผู้รักษาความเรียบร้อยอยู่ภายนอกเท่านั้น" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

สัญญาณมือถือธัมมี่โผล่!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณรอบวัดพระธรรมกาย ยังมีกลุ่มศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อไม่ให้สามารถเข้าไปตรวจค้นภายในได้ และเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 44 ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือของแพทย์ประจำตัวและลูกศิษย์คนสนิทของพระธัมมชโยเคลื่อนไหวอยู่ภายใน จึงเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้ยังคงกบดานอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการพบสัญญาณหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวว่า เป็นข้อมูลจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลว่าบุคคลใดเป็นผู้ครอบครองมือถือหมายเลขดังกล่าว เพราะไม่ได้หมายความว่าพระธัมมชโยจะเป็นผู้โทร. อาจจะมีลูกศิษย์คนสนิทใกล้ชิดครอบครองเพื่อสื่อสารแทนก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อความชัดเจน ดีเอสไอจึงต้องตรวจสอบและเข้าตรวจค้นยังจุดที่ปรากฏสัญญาณ

“ข้อมูลบางอย่างดีเอสไอเปิดเผยไม่ได้ว่ากำลังดำเนินการอะไรบ้าง เพราะเจ้าหน้าที่กำลังทำงาน หาข้อมูลทุกด้าน และขอยืนยันว่าการเข้าตรวจค้นวัดไม่ได้ต้องการทำลายวัด แต่ต้องการพิสูจน์ความชัดเจนในการค้นหาตัวบุคคลเท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่น” พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว

ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าพระธัมมชโยและบุคคลใกล้ชิดจะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือให้เจ้าหน้าที่หาพิกัดพบแน่นอน พร้อมทั้งเห็นว่าภายหลังตัดสัญญาณโทรศัพท์กลุ่มพระและศิษย์จะหันมาใช้โปรแกรม Fire Chat ทั้งนี้ โปรแกรมดังกล่าวถูกนำมาใช้ในพื้นที่ที่ถูกตัดสัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่ข้อเสียของโปรแกรมนี้คือไม่สามารถสนทนาส่วนตัวได้ รวมถึงต้องสนทนากันในระยะใกล้ที่ครอบคลุมสัญญาณบลูทูธเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าภายในวัดยังมีช่องทางการสื่อสารอื่นๆ

พ.ต.ต.วรณันยังกล่าวถึงปฏิบัติการเข้าค้นวัดพระธรรมกายเพื่อจับกุมพระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับตลอด 9 วันที่ผ่านมา โดย 2 วันแรกสามารถเข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายได้ แต่เป็นการตรวจค้นเฉพาะบางจุดที่ทางวัดยินยอมเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่มองว่าเป็นเหมือนการพาเจ้าหน้าที่เข้าเยี่ยมชมภายในวัดเท่านั้น ไม่ใช่การตรวจค้น เพราะทางวัดอ้างเหตุผลต่างๆ ในการไม่ให้เข้าค้นบางจุด ทำให้จำเป็นต้องปิดพื้นที่เพื่อเข้าตรวจค้นอย่างละเอียดอีกครั้ง

จนท.ยึดน้ำมัน 6.5 หมื่นลิตร

พ.ต.ต.วรณันกล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเลขมวลชนในวัดพระธรรมกายประมาณ 2,300 คน เป็นพระ 800 รูป ประชาชน 1,500 คน ส่วนที่ตลาดกลางคลองหลวงกว่า 1,000 คน ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ยังเท่าเดิม มีประมาณกว่า 3,000 นาย ส่วนพระ 14 รูปที่ออกหมายเรียกให้มาพบ ขณะนี้มีมาพบแล้ว 2 รูป คือพระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ส่วนพระแสนพล เทพเทพา หรือสิบเอกแสนพล เทพเทพา ได้มาพบเจ้าหน้าที่เมื่อกลางดึกวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา

"ส่วนกรณีพบน้ำมัน 65,000 ลิตรในวัดพระธรรมกาย วันนี้ตำรวจ สภ.คลองหลวง พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักพลังงานได้นำรถมาถ่ายน้ำมันทั้งหมดมาเก็บไว้แล้ว และดำเนินการข้อหาผิด พ.ร.บ.พลังงาน" พ.ต.ต.วรณันกล่าว

พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ปฏิเสธว่าไม่ได้รับรายงานว่าพบสัญญาณโทรศัพท์ของพระธัมมชโย พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ไม่ว่าพระธัมมชโยจะอยู่หรือไม่ก็ตาม โดยเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทบทวนแผนการปฏิบัติงาน เพราะอุปสรรคสำคัญคือการนำพระและศิษย์มาเป็นด่านหน้า หากมีการใช้ความรุนแรงก็จะไม่เหมาะสม

พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจค้นวัดพระธรรมกายว่า ในส่วนของกองกำลังเจ้าหน้าที่ยังพอเพียงในการตรวจค้น ควบคุมพื้นที่ ฉะนั้นจึงยังใช้กำลังเจ้าหน้าที่เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเเปลง ส่วนเรื่องจะมีการปรับเปลี่ยนเเผนการอย่างไรนั้น ต้องถามดีเอสไอ ตนเป็นเพียงผู้ปฏิบัติ ขณะที่การเฝ้าระวังบริเวณโดยรอบวัดไม่มีปัญหา มีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าทั้งกลางวันกลางคืน

ทางด้านพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการ ฝ่ายสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ขับรถมาชนที่ประตู 1 และมีชายแต่งกายด้วยชุดคล้ายกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาทุบกล้องวงจรปิดของวัดจำนวน 3 ตัว สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของวัด สร้างความก่อกวน ซึ่งทางวัดอยากจะขอเรียกร้องความรับผิดชอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวเหตุการณ์ และอยากทราบถึงเจตนาของผู้ลงมือก่อเหตุ

โวยรัฐปัดรับผิดทุบพระ

นอกจากนี้ ทางโรงครัววัดพระธรรมกายแจ้งว่า ได้ซื้อหมูจำนวน 1 ตัน และผักสดอีก 1 คันรถ ติดค้างอยู่ที่ตลาดไท และที่หน้าประตูมีรถขนผักและผลไม้ทั้งสิ้น 3 คันรถจอดอยู่ รวมถึงของที่ตักบาตรที่ตลาดกลางคลองหลวง โดยขอความเมตตาจากเจ้าหน้าที่ให้อนุญาตนำอาหารและวัตถุดิบประกอบอาหารเข้ามาในพื้นที่วัด และทางโรงครัวได้ฝากมาแจ้งลูกศิษย์วัดที่ต้องการจะนำอาหารมาถวายที่วัดว่า ขอเป็นโปรตีนง่ายๆ เช่น หมูชิ้น หมูบด ลูกชิ้น และเนื้อไก่ และในส่วนของผักและของแห้งที่จะนำมาถวาย ขอให้เป็นอาหารประเภทที่เสียยาก

พระสนิทวงศ์กล่าวอีกว่า หลังเกิดการปะทะระหว่างพระกับเจ้าหน้าที่ หน่วยงานรัฐมักจะปัดความรับผิดชอบ ลูกศิษย์จึงของฝากถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช., พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ, นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม, พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ., พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจนี้โดยตรง เพราะหากมีการบาดเจ็บและเสียชีวิต ทางลูกศิษย์จะได้ถามถูกคน โดยขอให้ทางรัฐบาลประกาศผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน

ส่วนที่ดีเอสไอตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ที่คาดว่าเป็นของพระธัมมชโยที่มีการใช้งานเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา พระสนิทวงศ์บอกว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ เท่าที่ได้รับรายงานมา พระธัมมชโยไม่มีโทรศัพท์ส่วนตัวหรือเบอร์ที่ใช้ประจำ

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน มีรายงานว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติออกประกาศแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีของวัดพระธรรมกาย โดยขอความร่วมมือไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาในทุกจังหวัด ให้ประชาสัมพันธ์ไปยังพระภิกษุสามเณรในทุกจังหวัด ว่าให้งดการเดินทางมาร่วมชุมนุมขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ วัดพระธรรมกายและบริเวณโดยรอบ เนื่องจากจะมีความผิดตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังมีมติมอบสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ดำเนินการไปตามมติมหาเถรสมาคม และระเบียบมหาเถรสมาคม ให้เจ้าคณะใหญ่ทุกหนปฏิบัติพร้อมกับเจ้าคณะทุกระดับทุกกรณีให้เป็นที่ยุติในเขตปกครองแต่ละหน และมอบผู้แทนมหาเถรสมาคมจำนวน 3 รูป เข้าไปให้การสนับสนุนดำเนินงานของเจ้าคณะใหญ่หนกลางเกี่ยวกับการแก้ปัญหากรณีวัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี

รายงานระบุว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่อำนวยความสะดวกเป็นตัวกลางประสานไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างวัดกับเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด จึงขอความร่วมมือวัดพระธรรมกาย ถวายความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์และผู้แทนมหาเถรสมาคม เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและพระพุทธศาสนา

นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ยืนยันว่า ประกาศดังกล่าวทาง พศ.เป็นผู้ออกจริง

เด้ง"พนม"พ้น ผอ.สำนักพุทธฯ

ต่อมาช่วงเย็น ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 12/2560 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ระบุว่า โดยที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงการบริหารงานบุคคลในบางหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วนเพื่อประโยชน์แก่การปฏิรูป และไม่อาจดำเนินการโดยวิธีการปกติได้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้นายพนม ศรศิลป์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ตรวจราชการหรือปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

ข้อ 2 ให้พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ้นจากตำแหน่ง และให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ข้อ 3 ให้ข้าราชการผู้มีรายชื่อตามข้อ 1 และข้อ 2 พ้นจากตำแหน่งเดิม และไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งใหม่ตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ

การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายหลังวันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีพิจารณา

ข้อ 4 ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเกี่ยวกับตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าว และให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง หรือพ้นจากตำแหน่งตามคำสั่งนี้ ตามมาตรา 24 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557

ข้อ 5 คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

วันเดียวกัน หลวงปู่พุทธะอิสระได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุช่วงหนึ่งว่า "ฉันถามเจ้าคณะภาคว่า ท่านได้ใช้อำนาจนี้ในการสั่งการไปยังธัมมชโยและภิกษุผู้อยู่ในวัดธรรมกายบ้างหรือไม่ ท่านเจ้าคณะภาคตอบว่า ผมประชุมแล้วสั่งการให้ออกมามอบตัวแล้วเป็นสิบๆ ครั้ง แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับจากธรรมกาย แล้วจะให้ผมทำอย่างไร ผมตัวคนเดียว จะไปสู้รบปรบมืออะไรกับพวกเขาได้ นี่คือเครื่องแสดงให้เห็นได้ชัดๆ ว่าลัทธิทำจนตัวตาย นอกจากจะปฏิเสธกฎหมายไทยแล้ว และปฏิเสธการปกครองของเจ้าคณะปกครองอีก แล้วเช่นนี้จะไม่เรียกว่าเป็นกบฏผีบุญจะให้เรียกว่าอะไร".

เวลา 18.00 น. ชายไทยสูงอายุไม่ทราบชื่อ-นามสกุล คาดว่าเป็นศิษย์ของวัดพระธรรมกาย ได้ปีนเสาสัญญาณโทรศัพท์ ที่ตั้งอยู่ด้านหลังภายในซอยใกล้กับตลาดกลางคลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งขณะนั้นมีพระสงฆ์และเหล่าศิษยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกาย นั่งสวดมนต์กันอยู่ ทำให้มีกลุ่มชาวบ้านพากันวิ่งไปดูด้วยความแตกตื่น

ชายคนดังกล่าวปีนเสาขึ้นไป พร้อมกับได้เขียนป้ายติดเอาไว้บนนั้น ระบุว่า "ถ้าถึง เวลา 21.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยกเลิก ม.44 เตรียมเก็บศพได้เลย "ขณะนี้ญาติโยมที่อยู่ด้านล่างกำลังเจรจาเกลี้ยกล่อม"

เวลา 20.45 น. ชายคนดังกล่าวได้ใช้เชือดแขวนคอตัวเองท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คน ขณะที่เจ้าหน้าที่รีบปีนขึ้นไปบนเสาสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ชายคนดังกล่าวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ในเฟซบุ๊ก พระสนิทวงศ์ ระบุว่า "กรณีมีคนจะกระโดดเสาสูง ไม่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย เป็นความคิดเห็นส่วนตัว วัดไม่สนับสนุนวิธีการดังกล่าว ขอให้ล้มเลิกความคิดดังกล่าว".
www.thaipost.net

online